adidas superstar 35th anniversary no.3 TATE

>> Friday, January 27, 2012



In tones of green and light brown tint to cut it. Collection, but be careful of fake to me because it has a lot of sales. I need to figure out it's fake. I have to keep observing the time to buy this model. Notice the way it's fake, let us look at the bottom of the shoe brand. Look at the boundary between green and brown, the center has it. If it is fake, there is no sharp points down. If it is genuine, it is pointed down a little.
 (sub eng)

มาในโทนสีน้ำตาลตัดเขียวแบบคลุมโทนสีน่าสนใจมากครับ น่าสะสมครับแต่ต้องระวังเรื่องของปลอมให้ดีนะครับเพราะมีขายเยอะแยะเลย ผมเลยต้องนำรูปของปลอมมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันครับจะได้เก็บไว้เป็นจุดสังเกตุเวลาเลือกซื้อรุ่นนี้ จุดสังเกตุของปลอมง่ายๆนะครับให้เราดูตรางด้านท้ายของรองเท้า ดูตรงที่ช่วงรอยต่อระหว่างสีเขียวกับสีน้ำตาลตรงจุดศูนย์กลางได้เลยครับ ถ้าเป็นของปลอมจะไม่มีจุดแหลมลงมา แต่ถ้าเป็นของแท้จะมีจุดแหลมลงมาเล็กน้อยครับ        (แปลไทย)
 



Read more...

adidas superstar 35th anniversary #2 Foot Patrol

>> Thursday, January 26, 2012

มาต่อกันกับ no.2 ครับผม

adidas superstar 35th anniversary #2 Foot Patrol


เป็นไงบ้างครับสำหรับ #2 สวยมากเลยครับสำหรับผม สงสัยต้องสะสมให้ครบ ทุกคู่แล้วครับ
มี review เปรียบเทียบของแท้ของ fake ให้ดูด้วยนะครับ


สำหรับการเลือกซื้อรุ่นนี้นะครับ ดูที่สีเชือกและหีบห่อที่ใช้บรรจุเชือกเป็นสำคัญนะครับ ส่วนรอยตำหนิตะเข็บด้านหลังเวลาดูต้องพิจารณาสักหน่อยนะครับว่าสวยงามเรียบร้อยไหม ถ้าเรียบร้อยก็ซื้อได้เลยครับแท้แน่นอน แต่ถ้าดูฝีเข็มโดดๆ ไม่เรียบร้อยก็อย่าซื้อนะครับ Fake ชัวร์ๆ

ขอขอบคุณ http://spotfakeadidas.com/superstar-35th-anniversary/footpatrol มากๆครับที่ให้ความรู้ดีๆ กับทุกท่าน

Read more...

All adidas superstar 35th ANNIVERSARY

>> Tuesday, January 24, 2012


Read more...

หนังสวยๆ จาก Adidas kegler super lux


ขอแทรกก่อน no.2 นะครับหนังสวยๆครับ

Read more...

เริ่มที่ adidas superstar 35th anniversary

มาเริ่มกันที่ no.1 Adi Dassler


คู่นี้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักสะสมมากๆครับ เพราะมันมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็น ADIDAS มากๆ ด้วย DEsign ที่เรียบๆ และ Classics เป็นรุ่นที่ถ้าใครคิดจะเล่น Adidas จะมองข้ามไปไม่ได้เลยครับ เมื่อสองสามปีก่อน ผมเคยพยายามค้นหาที่จะซื้อมาเป็นเจ้าของแต่ แพงมากๆ คู่เป็นหมื่นเลยครับซื้อไม่ลง แต่เพื่อนผมกลับค้นหาจนไปเจอของดีเข้า และได้จับจองมาในราคา สามพันนิดหน่อย  ผมเลยได้สัมผัสและทดลองสวมใส่ดูได้ความรู้สึกที่ดีมากมายครับ ใส่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่แต่มันเท่นี่สิครับ อิจฉามากมายครับแต่ตอนนี้ รู้สึกว่าราคาเริ่มลงแล้วครับก็เลยกะว่าจะหามาสะสมสักคู่นึงครับ ถ้าใครมีก็มาบอกกล่าวกันได้นะครับ โพสต์ต่อไปจะมาพูดถึง no.2 กันนะครับ

Read more...

ร้านรองเท้าใส่ในบ้าน (slippers) Hand Made สำหรับผู้ที่อยากถนอมสุขภาพเท้า

>> Sunday, January 22, 2012

ยี่ห้อนี้ไม่เหมือนใครเลยครับ ผมไปเจอใน facebook เห็นเค้าว่าตัดเย็บเองด้วยครับ เจ้าของสินค้าเป็นผู้หญิงอายุ 24 เองครับ เก่งนะครับ อายุแค่นี้ทำแบบนี้ได้แล้ว ถ้าเพื่อน ๆ ชอบกันก็ไปอุดหนุนเค้าได้นะครับ ส่วนตัว ผมว่าของแบบนี้น่าสนับสนุนมากครับ
ผมก็เลยช่วยเค้าโปรโมทซะเลย

Read more...

adidas Originals Men's Campus 2 Retro Sneaker สำหรับนักสะสม

Adidas รุ่นนี้ น่าสะสมมากครับ ทั้ง Classic ทั้งสวยและแข็งแรงทนทาน เพราะผมมีอยู่คู่นึงครับ กำลังอยากได้อีกสักสองสามสี

Read more...

ประวัติ Onitsuka tiger

เสียงลือ เสียงเล่าอ้าง ที่ได้ยินผ่านหูเกี่ยวกับ ONITSUKA TIGER สำหรับผมเพิ่งมีมาไม่นานนี้ ก็จากเพื่อนร่วมงานนี้แหละครับ
ติดตามหาความรู้เรื่อยมา รองเท้าอะไร สีเยอะ ชิหาย ใครจะจำแบบไหวเนี๊ยะ พอดูเยอะๆ ก็ค่อยๆ ตกหลุมรัก น้อง ONITSUKA TIGER
จนกระทั้งเมื่อต้นปี 2009 ได้มีโอกาสไปฮ่อง Hongkong และรู้ว่าที่ ฮ่องกง Hongkong มี shop ของ ONITSUKA TIGER อยู่ซะด้วย ตอนนั่นในประเทศไทยยังไม่มี Shop ONITSUKA TIGER เปิดอย่างเป็นทางการ เลยตื่นเต้นซักหน่อย
 วันแรกๆ ของการเดินทางไปฮ่องกง Hongkong ก็ตรงดิ่งไปยังร้าน ONITSUKA TIGER ที่ห้าง element ของฮ่อง Hongkong กันเลยทีเดียว ไปตอนร้านมันยังไม่เปิดเลยครับ พอร้านเปิดก็เข้าไปยล ความงามให้ทันที รองเท้า หลายรุ่น มากมาย หลากหลาก มองจนมึน จนไปสะดุดตากับน้อง Tokidoki น้องเสือสุดน่ารัก กับราคา 1200 เหรียญฮ่องกง เอาว่ะ ไหนๆ ก็มาแล้วซื้อก็ได้ และแล้วแม่ของหัวเหม่งก็ถามว่าได้คู่ที่ชอบหรือยัง จะได้ไปจ่ายตังค์ แม่เจ้า!! แม่หัวเหม่งจะซื้อให้หรือนี่ น้ำตาแทบไหล ตกลงเลยได้กันคนละคู่ ของเหม่งคู่ละ 800 เหรียญฮ่องกง พนักงานจัดการใส่ถุงเสือพี่ใหญ่สีดำ ลายทองโดยทันที เป็นการไป Shop ONITSUKA TIGER ที่ประทับใจมาก

 แต่ก่อนออกจากร้านก็สอยเสื้อ ONITSUKA TIGER มาให้ตัวเองกับเพื่อนที่ Office อีกสองคน เอาเป็นว่าหมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว
ตอนนี้เมืองไทยมี Shop ONITSUKA TIGER ที่เซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลบางนา zen สยามพารากอน ใครชอบใครรักก็ตามกันไปชื่นชมกันได้เลยนะครับ
ประวัติ ONITSUKA TIGER คร่าวๆ
รองเท้า ONITSUKA TIGER เป็นรองเท้าที่เริ่มผลิต และขายในประเทศญี่ปุ่น ในชื่อ Onitsuka Co. Ltd. โดย Mr. Kihachiro Onitsuka  เมื่อปี ค.ศ. 1949  จุดประสงค์เพื่อทำให้เด็ก และวัยรุ่น หันมาเล่นกีฬา ด้วยวิธีการผลิตที่มีเทคนิคพิเศษโดยเฉพาะ
จากการรักษา แผลในใจของชาวญี่ปุ่นหลังสงครามโลก และความนิยมให้ทุกๆ คน หันมาเล่นกีฬา รองเท้า Onitsuka Tiger จึงได้ผลิตรองเท้า Basketball ขึ้นเป็นรายแรก โดยใส่รูป “หน้าเสือ” จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของรองเท้า ONITSUKA จนถึงทุกวันนี้
ค.ศ. 1960 รองเท้ากีฬา ONITSUKA TIGER ได้กลายเป็นที่นิยมของนักกีฬาในต่างประเทศ
ค.ศ. 1977 Mr. Kihachiro Onitsuka ได้มีการตั้งบริษัทใหม่โดยใช้ชื่อว่า “ASICS” โดยได้รับความนิยมจากชาวลาติน จากสโลแกนที่ว่า “Anima Sana In Corpore Sano” แปลเป็นอังกฤษว่า “A Sound Mind in a Sound Body”, ASICS ได้กลายเป็นแบรนด์รองเท้าที่เน้นไปทางด้านสุขภาพ และการใช้ชีวิตให้มีความสุขและจากนั้น ASICS ได้ถูกนำเข้าไปขายในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเทคนิคการผลิตที่พิเศษ และประวัติความเป็นมาต่างๆ ที่ได้ถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้

credit : http://www.iamwitoon.com/tag/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-onitsuka-tiger/

Read more...

ประวัติ ADIDAS กับ PUMA

>> Wednesday, January 18, 2012


หากพูดถึงรองเท้ากีฬาที่เหล่าผู้เล่นชื่อดังระดับโลกเลือกใช้ในการแข่งขันที่สำคัญของพวกเขา ย่อมมีชื่อของ Adidas และ Puma ปรากฏ เป็นชื่อแรก ๆ ในฐานะ 2 แบรนด์รองเท้ายักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในแวดวงกีฬา แต่ทราบกันไหมครับว่าจริง ๆ แล้วทั้ง Adidas และ Puma นั้นเกิดจากเรื่องราวที่แสนขมขื่นของพี่น้องชาวเยอรมันตระกูลดาสเลอร์ (Dassler) 2 คนชื่อ Adi (แอดดิ) และ Rudi (รูดิ)


วันนี้ Lexussociety.com ขอพาคุณไปรับรู้เรื่องราวความไม่ลงรอยกัน ของสองพี่น้องผู้ให้กำเนิดรองเท้ากีฬาเลื่องชื่อกันครับ ในเมืองแฮร์โซเกเนารัก (Herzogenaurach) ทางตอนเหนือของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน ปี 1920 อดอล์ฟ (แอดดิ) ดาสเลอร์ เป็นชายหนุ่มเสียงนุ่มผู้คลั่งไคล้กีฬา เขามักใช้เวลาอยู่กับการออกแบบรองเท้าภายในห้องทำงานของตัวเอง ขณะที่ รูดอล์ฟ (รูดิ) ดาสเลอร์ เป็นเซลส์แมนผู้นิยมเข้าสังคม ทั้งสองคนเริ่มต้นธุรกิจผลิตรองเท้ากีฬาเย็บมือด้วยกันภายในห้องซักผ้าของแม่ โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Dassler” 

สองพี่น้องใช้เวลาเพียงไม่นานทำให้รองเท้ากีฬาของพวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่ว โลก เมื่อนักวิ่งระยะสั้นชาวอเมริกัน เจสซี่ โอเวนส์ มาเยือนเยอรมันในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์ปี 1936 ที่กรุงเบอร์ลิน แอดดิเดินทางจากบาวาเรียไปยังหมู่บ้านนักกีฬา เขาพบกับโอเวนส์และขอให้ลองใส่รองเท้าตะปูของดาสเลอร์ลงแข่ง และโอเวนส์ก็ได้เหรียญทอง 4 เหรียญ จากการใส่ดาสเลอร์ลงสนาม ทำให้หลังจากนั้นรองเท้าดาสเลอร์ขายได้ถึงกว่า 2 แสนคู่ต่อปี จนกระทั่งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 
 

 แม้นั่นจะถือเป็นความสำเร็จอย่างมากของดาสเลอร์ แต่ว่าทั้งคู่ก็บ่มเพาะความคับข้องใจต่อกันมาตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ พวกเขามีความเห็นไม่ตรงกันทั้งในเรื่องการเมือง อนาคตของบริษัท หรือแม้แต่การเลือกภรรยา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าทั้งแอดดิและรูดิจะเข้าร่วมกับพรรคนาซี แต่ดูเหมือนว่ารูดิจะมีความภักดีต่อฮิตเลอร์มากกว่า เรื่องที่คนทั่วไปรู้เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นความขัดแย้งของสองพี่น้องตระกูลดา สเลอร์ ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเล็ก ๆ ภายในครอบครัว แต่ก็ไม่มีใครรู้รายละเอียดที่แท้จริง


 จุดแตกหักของผู้ก่อตั้งรองเท้าดาสเลอร์ทั้งสองเดินทางมาถึงในปี 1948 รูดิแยกตัวออกมาตั้งบริษัทผลิตรองเท้ากีฬาใหม่ในชื่อ “Ruda” หรือชื่อในปัจจุบันว่า “Puma” ขณะที่แอดดิใช้ชื่อแบรนด์รองเท้าของตัวเองว่า “Adidas” และทั้งสองแบรนด์ก็แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดร้องเท้ากีฬาระดับโลก นี่อาจเป็นข้อดีที่สุดที่ทำให้สองแบรนด์นี้ทรงอิทธิพลมากและมีดาวกีฬาชื่อ ดังระดับโลกมากมายสวมใส่รองเท้าของพวกเขา

หลังจากยืนกันคนละฝั่งมากว่า 60 ปี ท้ายที่สุดแล้วความบาดหมางของทั้งสองตระกูลก็คลี่คลายลงในปี 2009 เมื่อพนักงานของพูม่าและอดิดาสออกมาจับมือและเล่นฟุตบอลร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่ทั้งสองแบรนด์ออกมาให้ข่าวว่าร่วมกันจัดขึ้นเพื่อสนับสนุน องค์กร One Day Peace

ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ผู้ถือหุ้นหลักในพูม่าคือ กลุ่มบริษัท PPR ที่ดูแลบริษัทผลิตสินค้าระดับ Luxury รวมถึง Gucci จากฝรั่งเศส ส่วนอดิดาสกลายเป็นบริษัทมหาชน ปัจจุบันแม้ผู้สืบทอดตระกูลดาสเลอร์จะไม่ได้เป็นผู้ดูแลบริษัทผลิตรองเท้า ยักษ์ใหญ่ทั้งสองแล้วก็ตาม แต่หลานชายของรูดิ นาม แฟรงค์ ดาสเลอร์ ก็ยังทำให้ผู้คนในเมืองแฮร์โซเกเนารัก ช็อค เมื่อรู้ว่าเขาทำงานให้กับทั้งพูม่าและอดิดาสครับ
ออกจะเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับครอบครัวของสองพี่น้อง ที่ต้องมาขัดแย้งกันเองเป็นเวลากว่า 60 ปีนะครับ ทั้งที่ทั้งคู่ต่างมีความสามารถทำให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และทำรายได้มหาศาลเช่นนี้ และหากไม่มีเรื่องบาดหมางกัน ใครจะรู้ว่าบางทีเราอาจมีโอกาสได้ใส่รองเท้ากีฬาคุณภาพดีที่ชื่อ “ดาสเลอร์” ก็เป็นได้.

Credit :
http://www.rediff.com/sports/2005/nov/08adi.htm
http://news.bbc.co.uk/2/hi/8262040.stm
http://lexussociety.com/scoop/sports/231/

Read more...

ประวัติ nike history

>> Monday, January 16, 2012




สวัสดีครับ เชื่อว่าถ้าพูดถึงแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา ”ไนกี้” คง เป็นแบรนด์แรกๆที่ออกมาในความคิดหลายๆคนนะครับ แต่หลายๆคนอาจยังไม่รู้ถึงประวัติของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเสื้อผ้าและ รองเท้า กีฬารายนี้กันนะครับ วันนี้ผม MAGAZINE จะมาเล่าประวัติย่อๆของ ”ไนกี้” ได้รู้กันนะครับ
จุดเริ่มต้นของไนกี้เริ่มขึ้นในปี 1964 Bill Bowerman และ Phil Knight ผู้ ก่อตั้ง ได้ร่วมกันตั้งบริษัท Blue Ribbon Sports ซึ่งมีจุดประสงค์หลักคือ นำเข้ารองเท้าวิ่งแบรนด์ Onitsuka Tiger จากประเทศญี่ปุ่น ต่อมาในปี 1971 ความสัมพันธ์ระหว่าง Blue Ribbon Sports กับ Onitsuka Tiger ใกล้จะสิ้นสุดลง Bill และ Phil จึงเริ่มที่จะคิดค้นออกรองเท้าในแบรนด์ของตนเอง และนั่นเป็นจุดเรืิ่มต้นของ Nike และ Swoosh นั่นเอง
Phil Knight
Bill Bowerman
คำว่า Nike มาจาก Jeff Johnson พนักงานขายคนแรกของ Blue Ribbon Sports  ในปี1971 เขาได้ฝันถึงเทพเจ้านามว่า NIKE (อ่านว่า NI - KE) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งชัยชนะของกรีก หลังจากนั้นเขาจึงนำเรื่องนี้ไปเสนอให้แก่เจ้านายของเขา ต่อมา Nike ถูกใช้เป็นชื่อเรียกของรองเท้าคู่แรกซึ่งเป็นรองเท้าฟุตบอล และได้เปลี่ยนเป็นชื่อบริษัทภายหลังในปี 1978  

 เทพ Nike
Blue Ribbon Sports logo
Swoosh (อ่านว่า สวูช) Logo ของ Nike ลักษะคล้ายเครื่องหมายกาถูก ได้รับการออกแบบโดย Carolyn Davidson ในปี 1791 ด้วยราคาค่าออกเพียง 35 $ เท่านั้นเอง โดยเครื่องหมายการค้านี้ได้แรงบรรดาลใจมาจาก ปีก ของเทพธิดา NIKE เทพของชาวกรีก โดยที่อ่านว่า สวูชนั้นก็เพราะเป็นเสียงของลมพัดครับ
รูป Swoosh
 ในปี 1970 Bill Bowerman ซึ่งรับหน้าที่ด้านการพัฒนารองเท้า ได้คิดค้นพื้นรองเท้าที่ทำจากยางโดยการทดลองเทยางลงในแบบพิมทำ waffle ของภรรยาของเขา ทำให้เกิดเป็น waffle outsole ขึ้น รองเท้าหลายๆรุ่นในช่วงนั้นก็้ได้ใส่ waffle sole ลงไป ไม่ว่าจะเป็น waffle trainer หรือ waffle racer.


 
ปี 1980 ไนกี้ได้ส่วนแบ่ง 50 % ของตลาดรองเท้ากีฬาในอเมริกา และการเติบโตของไนกี้เป็นผลมาจากโฆษณา “Word-to-foot” ซึ่งเป็นโฆษณาแรกของไนกี้ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ โฆษณานี้ถูกผลิตโดยบริษัทตัวแทนโฆษณา Wieden+Kennedy และยังคงร่วมงานกับไนกี้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้สโลแกน “Just do it” อันโด่งดังของไนกี้ซึ่งถูุกเลือกให้เป็นหนึ่งในห้าสโลแกนของศตวรรษที่ 20 ยังถูกคิดโดย Dan Wieden อีกด้วย

 ไนกี้ได้พัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์ทางกีฬาออกมาอีกมากมายและขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ออกไปทั่วโลก ซึ่งมีรองเท้าที่ได้รับความนิยมไม่ว่าจะเป็น Air Max ,Air Force I, Dunk หรือ Cortez ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นรองเท้าในใจของเพื่อนๆอีกด้วย 
วันนี้ผมก็ขอจบเรื่องประวัติของ Nike ก่อน นะครับ เรื่องหน้าจะนำประวัติของรองเท้ารุ่นดังๆของไนกี้มาเสนอกันนะครับ หรือชาว cc อยากได้เรื่องอะไรบอกมาได้นะครับ เดี๋ยวจะหามาให้ อย่างลืมติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้ ขอบคุณที่อ่านกันนะครับขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับ
Referrence
http://chimneychannel.com/article/detail/sneaker/1741

Read more...

Nike The Overplay VI Men's Basketball Shoe

คู่นี้สุดยอดเลยครับใส่แล้วแหมยังกะลอยได้ใส่สบายมากๆ เลยครับ วัสดุดีมากเลยครับเลยอยากแนะนำเพื่อนๆ ให้ลองหามาใส่ดูครับ สุดยอดมากครับ

Read more...

lady and gentle man

  © Blogger templates Sunset by Ourblogtemplates.com 2008

Back to TOP